…………………… WELCOME ……………………
💬ความรู้ที่ได้รับในวันนี้
วันนี้อาจารย์พูดถึงเรื่อง Executive Functions (EF)
Executive Functions (EF) คือ กระบวนการทำงานของสมองส่วนหน้า ซึ่งมีความสำคัญในการควบคุมอารมณ์
ความคิด การวางแผนและการแก้ไขปัญหา ซึ่งลูกจะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ
จากความจำมาสู่การกระทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้ดีขึ้น
ช่วงวัยที่เหมาะสมจะพัฒนา EF คือ ช่วง 3 – 6 ปี เพราะหากเป็นช่วงวัยเรียน วัยรุ่น
หรือวัยผู้ใหญ่ก็พัฒนาได้ แต่จะได้ไม่มากเท่ากับเด็กปฐมวัย
Executive Functions (EF) ประกอบด้วย 9 ทักษะ ได้แก่
1. ทักษะความจำที่นำมาใช้งาน (Working
Memory)
กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
-การให้ลูกดื่มนมแม่ในช่วง 6 เดือน
-ให้ลูกทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ
-แสดงความรักด้วยการกอด หอม พูดคุยกับลูกบ่อยๆ
เพื่อให้ลูกรู้สึกอบอุ่น
-เล่านิทาน อ่านหนังสือกับลูก
-ให้ลูกเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า
เพื่อให้จดจำได้ดีขึ้น
2. ทักษะการยั้งคิด (Inhibitory Control)
คือ การควบคุมอารมณ์ตนเอง รู้ว่าสิ่งใดควรทำ – ไม่ควรทำ
เช่น ไม่นำของเพื่อนมาเป็นของตนเอง เป็นต้น
กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
-ของเล่นเสริมพัฒนาการที่ต้องใช้สมาธิ
ใช้สมองในการวางแผน และคิดแก้ไขปัญหา
-ส่งเสริมด้านดนตรี
-พูดคุยกับลูกบ่อยๆ หากลูกมีความกังวลใจ ให้ลูกเล่าออกมาอย่าเก็บไว้
เพื่อช่วยระบายความรู้สึก
-สอนให้ลูกรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเอง เช่น เวลารู้สึกโมโห ให้นับตัวเลข 1-10 หรือหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ จนรู้สึกดีขึ้น ไม่หงุดหงิดโวยวาย
หรือไปทำร้ายคนอื่น
3. ทักษะการยืดหยุ่นความคิด (Shift Cognitive
Flexibility)
คือ ทักษะที่ช่วยให้ลูกรู้จักปรับตัว ยืดหยุ่น
และรู้จักแก้ไขปัญหาได้ตามแต่ละสถานการณ์
กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
-กิจกรรมด้านศิลปะ เช่น การวาดรูป ระบายสี การปั้น
การพับ ตัด ปะ
-ฝึกให้ลูกทำของเล่นจากวัสดุเหลือใช้
-การต่อบล็อกเป็นรูปทรงต่าง ๆ
4. ทักษะการใส่ใจจดจ่อ (Focus)
เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการที่ลูกมีสมาธิ ไม่วอกแวก
จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ได้ดี
กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
-การอ่านหนังสือ
-การฟังเพลง วาดรูป ระบายสี
-การเรียนรู้ผ่านการเล่น
-การต่อจิ๊กซอว์ / ต่อบล็อกรูปทรงต่างๆ
-การสวดมนต์ ไหว้พระก่อนนอน
5.การควบคุมอารมณ์ (Emotion Control)
ช่วยให้ลูกรู้จักควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดี ไม่โมโห
หงุดหงิดง่าย
กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
-การอ่านนิทานที่เกี่ยวกับลักษณะนิสัยที่ดี
-ให้ลูกได้เล่นร่วมกับผู้อื่น เพื่อรู้จักการแบ่งปัน
อดทนรอคอย ไม่แซงคิว
-ให้ลูกช่วยงานบ้าน
และช่วยเลือกเสื้อผ้าที่ไม่ใช้บริจาคสิ่งของไปให้เด็กคนอื่นๆ ที่ขาดแคลน
6. การวางแผนและการจัดการ (Planning and
Organizing)
เป็นการฝึกให้ลูกรู้จักตั้งเป้าหมายและคิดวางแผนด้วยตนเอง
กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
-สอนให้ลูกเรียนรู้เรื่องเวลา
-สอนให้ลูกรู้จักตั้งเป้าหมายง่าย ๆ เช่น
เก็บออมเงินเพื่อซื้อของที่อยากได้ด้วยตนเอง
-ให้ลูกรับผิดชอบงานในบ้าน โดยให้เขาเลือกเองก็ได้
ลูกจะได้ทำอย่างมีความสุข
7. การประเมินตนเอง (Self-Monitoring)
สอนให้ลูกรู้จักประเมินตนเอง และแก้ไขปรับปรุง
ข้อนี้จะสอนต่อจากเรื่องการวางแผนก็ได้ โดยทำเป็นตารางงานบ้านให้ลูกไว้
งานชิ้นไหนที่ทำแล้วก็ให้ใส่เครื่องหมายถูก ถ้างานชิ้นไหนยังไม่ได้ทำ
ก็ลองถามเขาว่างานชิ้นนี้เขายังไม่ทำเพราะเหตุใด เช่น เป้าหมายนั้นยากไป จะได้ช่วยกันแก้ไขให้ดีขึ้น
8. การริเริ่มและลงมือทำ (Initiating)
เป็นการฝึกให้ลูกกล้าคิด กล้าทำอะไรใหม่ๆ
กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
-เปิดโอกาสให้ลูกแสดงความคิดเห็น และเลือกทำในสิ่งที่ตนเองสนใจ
-เมื่อลูกวาดรูประบายสี
ลองให้เขาเล่าผลงานของเขาว่าสิ่งๆ นั้นคืออะไร เขาจะเล่าด้วยความภูมิใจ
-พาลูกไปเล่นกับเด็กคนอื่นๆ บ้าง เพื่อให้มีสังคม
และได้แสดงความคิดเห็นของตนเอง
9. มีความเพียรมุ่งสู่เป้าหมาย (Goal-Directed
Persistence)
ช่วยให้ลูกไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคง่ายๆ
จะตั้งใจทำจนกว่าจะสำเร็จ
กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
-กิจกรรมด้านดนตรี กีฬา และศิลปะ
-การต่อจิ๊กซอว์ ต่อบล็อก ของเล่นไม้ เกมตึกถล่ม
-หมากฮอส หมากรุก
💕💕💕💕💕💕💕💕💕💕💕💕
👉การประเมิน
ประเมินตนเอง : ตั้งใจฟังอาจารย์และได้ความรู้เพิ่มเติม
ประเมินเพื่อน : เพื่อนๆตั้งใจฟังอาจารย์
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์ให้คำแนะนำและคำปรึกษาได้ดี
…………………… THANK YOU ……………………
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น